#ADB #ทันหุ้น – ADB เล็งธุรกิจใหม่ทำเงิน สนไบโอ-เฮลธ์แคร์ หวังดันผลงานโตก้าวกระโดด ด้านแม่ทัพหญิง “พรพิวรรณ นิรมลเฉิดฉาย” ส่งซิกผลงานครึ่งปีแรก 65 เป็นบวก เกาะติดต้นทุนใกล้ชิด เล็งเจาะนิชมาร์เก็ต มองพีวีซีคอมปาวด์สายไฟโตเด่น พร้อมลุยส่งออกกาวซิลิโคนยาแนว ชี้ตลาดใหญ่เปิดกว้าง
นางสาวพรพิวรรณ นิรมลเฉิดฉาย กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอ็พพลาย ดีบี จำกัด (มหาชน) หรือ ADB ผู้ประกอบธุรกิจเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกคอมปาวด์กาวสำหรับอุตสาหกรรม และผลิตภัณฑ์ยาแนว เปิดเผยว่า ทิศทางธุรกิจและผลประกอบการครึ่งปีแรก 2565 คาดจะเป็นบวก เพราะไตรมาส 2/2565 บริษัทเห็นทิศทางต้นทุนที่ชัดเจน และปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ อีกทั้งบริษัทปรับราคาขายให้สอดคล้องกับต้นทุน ทำให้มาร์จิ้นฟื้นตัว แต่ยังเป็นลักษณะที่เบาบาง
// เกาะติดต้นทุน
ขณะที่ครึ่งปีหลัง 2565 ปัจจัยที่ต้องติดตามคืออัตราแลกเปลี่ยน เพราะหลักๆ วัตถุดิบถูกนำเข้าจากต่างประเทศ อาจส่งผลให้ต้นทุนอยู่ในระดับสูง ประกอบกับราคาน้ำมันอยู่ในทิศทางขาขึ้น คาดจะส่งผลเป็นปัจจัยกดดันต่อราคาวัตถุดิบเช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ดีบริษัทคาดรายได้ปีนี้จะเติบโตได้ตามเป้า 2 พันล้านบาท จากปีก่อนที่ 1.68 พันล้านบาท ขณะที่ความท้าทายในการดำเนินธุรกิจต่อจากนี้คือการรักษาผลประกอบการให้เป็นบวก หรือไม่ติดลบ โดยบริษัทปรับตัวกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับต้นทุน และสถานการณ์ต่างๆ เพราะก่อนหน้านี้บริษัทประสบปัญหาเรื่องต้นทุนสูงมาตั้งแต่ปลายปี 2564 และกระทบมาถึงผลงานในไตรมาส 1/2565 ที่ผ่านมา บริษัทได้เรียนรู้ พร้อมกับปรับตัว รับมือทั้งด้านราคาวัตถุดิบ ราคาขาย และบริษัทเริ่มเห็นดีมานด์เพิ่มขึ้นบ้างแล้ว
// เน้นกลุ่มนิชมาร์เก็ต
ขณะเดียวกันบริษัทจะเน้นการขายสินค้าให้กับตลาดเฉพาะกลุ่ม (Niche Market) เช่น PVC Compoundที่ใช้กับสายไฟ กลุ่มนี้มีโอกาสเติบโตสูง รวมถึงการเติบโตของตลาดส่งออก โดยบริษัทมีแผนจะส่งออกกาว ซิลิโคนยาแนว(Silicone Sealant) เพราะดีมานด์ในการใช้กาว ซิลิโคนยาแนวค่อนข้างสูง โดยเฉพาะประเทศแอฟริกาใต้ ตะวันออกกลาง ตลาดเปิดกว้าง สำหรับสัดส่วนการขายสินค้ากลุ่มดังกล่าวขายต่างประเทศ 50-60% และขายในประเทศ 40%
นอกจากนี้บริษัทจะขยายการผลิตMedical Grade PVC Compound หรือกลุ่มเครื่องมือทางการแพทย์ เพราะปัจจุบันกำลังผลิตค่อนข้างเต็ม ประกอบกับดีมานด์การใช้สินค้า Medical Grade PVC Compound เติบโตสูง บริษัทจึงมีแผนจะเจรจาร่วมกับพาร์ตเนอร์ญี่ปุ่น เพื่อขยายกำลังผลิต โดยอาจจัดตั้งหรือขยายโรงงานใหม่เพิ่มเติม สำหรับการลงทุนโปรเจ็กต์นี้ถือว่าเป็นโปรเจ็กต์ค่อนข้างใหญ่ อาจต้องปรับโครงสร้างการลงทุน โดยต้องเจรจากับพาร์ตเนอร์ก่อนว่าจะเป็นลักษณะใด
// เฟ้นหาธุรกิจใหม่
นางสาวพรพิวรรณ กล่าวต่อว่า บริษัทเริ่มมองหาธุรกิจใหม่ ที่จะเสริมการเติบโต ที่ไม่ใช่การเติบโตแบบออแกนิค หรือการเติบโตปกติ ซึ่งบริษัทสนใจในธุรกิจ BIO และ Health Care เพราะเป็นธุรกิจที่สามารถสร้างการเติบโตและตอบแทนให้ระดับสูง
“ในภาวะที่เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัว ตัวเลขเงินเฟ้อสูง เราเองไม่ได้หยุดนิ่ง เรายังมองหาการลงทุนใหม่ๆ เพื่อผลักดันฐานให้เติบโตแบบก้าวกระโดด โดยไม่ใช่ธุรกิจที่เติบโตแบบออแกนิค ทุกอย่างอยู่ในขั้นตอนของการทำงาน หากมีความชัดเจน ก็อาจจะประกาศให้ทราบในลำดับต่อไป”นางสาวพรพิวรรณ กล่าว