#ADB #ทันหุ้น – ADB ส่งสัญญาณไตรมาส 2/2565 มีโอกาสพลิกกลับมามีกำไร หลังต้นทุนวัตถุดิบพุ่ง สะท้อนกับราคาขายแล้วในช่วงที่ผ่านมา ชี้ปริมาณการขายทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจเติบโตโดดเด่น รุกสยายปีกต่างแดน หลังพบดีมานด์สูงขึ้น
นางสาวพรพิวรรณ นิรมลเฉิดฉาย กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอ็พพลาย ดีบี จำกัด (มหาชน) หรือ ADB ผู้ประกอบธุรกิจเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกคอมปาวด์กาวสำหรับอุตสาหกรรม และผลิตภัณฑ์ยาแนว เปิดเผยว่า ภาพรวมในช่วงไตรมาสที่ 1/2565 บริษัทมีผลการดำเนินงานนิวไฮ ทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจ ตั้งแต่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แต่เนื่องจากบริษัทมีต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น ทำให้อัตรากำไรสุทธิปรับตัวลดลง
// กำไร Q1 ลดลง
ทั้งนี้บริษัทมีกำไรสุทธิในไตรมาส 1/2565 จำนวน 7.54 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 30.42 ล้านบาท ลดลง 37.96 ล้านบาท โดยปัจจัยหลักที่ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิลดลง เนื่องจากได้รับผลกระทบจากราคาวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตสินค้าทั้งในส่วนของราคาเรซิ่น และสารเติมแต่ง หรือ Plasticzer ในตลาดโลก ปรับตัวเพิ่มขึ้น จากความต้องการสินค้ากลุ่มเคมีภัณฑ์ในตลาดโลกที่เพิ่มสูงขึ้น
ในขณะที่ราคาน้ำมันซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่สำคัญต่อราคาเม็ดพลาสติกปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปี 2564 ที่ผ่านมา ซึ่งจากต้นทุนหลักในการผลิตดังกล่าวปรับตัวสูงขึ้น ในช่วงปลายปี 2564 จึงถึงไตรมาส 1/2565 จึงส่งผลให้บริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้นปรับลดลงทั้ง 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์ ในขณะที่มีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่สูงขึ้น จากต้นทุนค่าขนส่งสินค้าไปจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ ตามระดับราคาน้ำมันดิบ และค่าระวางเรือสำหรับการขนส่งสินค้าระวางประเทศ
// ลุ้น Q2 พลิกกำไร
อย่างไรก็ตามในช่วงปลายไตรมาสที่ 1/2565 เริ่มมีการควบคุมการผลิตได้ดีขึ้น และปรับราคาให้สอดคล้องกับต้นทุน เชื่อว่าทิศทางธุรกิจจะเริ่มปรับตัวดีขึ้นจากกการที่โควิด-19 เริ่มคลี่คลายและผู้คนเริ่มกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ และการดำเนินธุรกิจต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศก็เริ่มดีขึ้น บริษัทเชื่อว่าจะทำให้ผลการดำเนินงานมันกลับมาเติบโตขึ้น และทำให้ปริมาณการขายเติบโตขึ้นในทิศทางเดียวกัน
“ผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาสแรกที่ติดลบมาจากต้นทุนที่ปรับตัวสูงขึ้น เป็นต้นทุนหลักๆ 70-80% ของบริษัทในการผลิตเม็ดพลาสติก รวมถึงต้นทุนค่าขนส่ง แต่เข้าสู่ในช่วงไตรมาสที่ 2/2565 บริษัทก็ได้สะท้อนผลกระทบกับราคาขายที่ดีขึ้น โดยปัจจุบัน คาดว่าผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาสที่ 2/2565 จะมีโอกาสพลิกกลับมามีกำไร” นางสาวพรพิวรรณ กล่าว
สำหรับตลาดต่างประเทศก็ถือว่าเป็นปัจจัยหนุนอีกอย่างที่ทำให้บริษัทมีการเติบโตทางด้านรายได้ค่อนข้างดี ในช่วงไตรมาสที่ 1/2565 ซึ่งบริษัทมีตลาดในกลุ่มประเทศแอฟริกา ไนจีเรีย เคนยา ส่วนตลาดในเอเชียจะเป็นประเทศเวียดนาม บังคลาเทศ และเมียนมา เป็นต้น และมีการเข้าไปทำตลาดต่างประเทศใหม่ๆ กลุ่มประเทศแอฟริกาใต้ ซึ่งบริษัทได้เริ่มเข้าไปขายสินค้ายาแนวอุตสาหกรรม ถือว่าได้รับผลตอบรับที่ดีพอสมควร