นางสาวพรพิวรรณ นิรมลเฉิดฉาย กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอ็พพลาย ดีบี จำกัด (มหาชน) หรือ ADB เปิดเผยว่า บริษัทปรับโครงสร้างธุรกิจโดยโอนกิจการธุรกิจผลิตภัณฑ์กาว ผลิตภัณฑ์ยาแนว และผลิตภัณฑ์ดีไอวาย ไปยังบริษัทย่อย ซึ่ง ADB จัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่ และถือหุ้น 100%คาดจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในไตรมาส 1/2566 โดยภายหลังโอนกิจการเรียบร้อยแล้ว จะยังคงดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายพลาสติกคอมปาวด์เช่นเดิม ทั้งนี้การปรับโครงสร้างดังกล่าวจะทำให้บริษัทสามารถดำเนินการตามกลยุทธ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ส่วนธุรกิจผลิตภัณฑ์กาว ผลิตภัณฑ์ยาแนว และผลิตภัณฑ์ดีไอวาย บริษัทต้องการแยกธุรกิจให้ชัดเจน เพื่อการเติบโตในอนาคต และมีโอกาสจะต่อยอดธุรกิจร่วมกับพาร์ตเนอร์ได้ เช่นเดียวกับพลาสติกคอมปาวด์เมคิคอล ซึ่งบริษัทมีพาร์ตเนอร์ญี่ปุ่นร่วมธุรกิจด้วย อีกทั้งเป็นโอกาสที่จะผลักดันธุรกิจผลิตภัณฑ์กาว ผลิตภัณฑ์ยาแนว และผลิตภัณฑ์ดีไอวายเข้าจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์ในอนาคต
ทั้งนี้ธุรกิจผลิตภัณฑ์กาว ผลิตภัณฑ์ยาแนว และผลิตภัณฑ์ดีไอวายมีโอกาสเติบโตสูง ปัจจุบันบริษัทขยายตลาดส่งออกไปค่อนข้างมาก ตามดีมานด์หรือความต้องการใช้ธุรกิจผลิตภัณฑ์กาว ยาแนว โดยเฉพาะประเทศแอฟริกาใต้ ตะวันออกกลาง ตลาดเปิดกว้าง สำหรับสัดส่วนการขายสินค้ากลุ่มดังกล่าวขายต่างประเทศ 50-60% และขายในประเทศ 40%
บริษัทเตรียมประชุมคณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) เพื่ออนุมัติแผนการเติบโตปี 2566 ภายในสิ้นเดือนพฤศจิกายนนี้ เบื้องต้นคาดรายได้รวมจะเกิน 2 พันล้านบาท จากการจำหน่ายพลาสติกคอมปาวด์และผลิตภัณฑ์กาว ยาแนว บริษัทจะรักษาอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) ให้อยู่ที่ระดับ 4-5% และอัตราการกำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ให้อยู่ที่ระดับ 15% 1โดยบริหารจัดการต้นทุนวัตถุดิบ และการผลิตให้คงที่ เพราะ 80-90% บริษัทมีต้นทุนจากวัตถุดิบ หากต้นทุนอยู่ในระดับปัจจุบัน คาดจะทำให้ภาพต้นทุนผลิตของบริษัทดูดี เมื่อเทียบช่วงต้นปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ผลประกอบการไตรมาส 3/2565 บริษัทมีรายได้รวมจากการขายที่ 539.38 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อนที่ 384.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 154.75 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40.23% ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 10.36 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อนที่ 11.27 ล้านบาท ลดลง 0.91 ล้านบาท หรือลดลง 8.07%
“ผลประกอบการไตรมาส 3/2565 ออกมาก็ถือว่าน่าพอใจ เพราะไตรมาส 1/2565 เราติดลบ และกลับมาดีขึ้นในไตรมาส 2/2565 ส่วนไตรมาส 3/2565 เรามีกำไรเพิ่มขึ้นเป็น 10 ล้านบาท สัญญาณการเติบโตเริ่มฟื้นชัด ส่วนไตรมาส 4/2565 ทิศทางธุรกิจก็น่าจะดีขึ้นตามต้นทุนที่ผันผวนลดลง”นางสาวพรพิวรรณ กล่าว