ADB ต้นทุนลดหนุนมาร์จิ้น ใส่เกียร์ขยายฐานต่างแดน

#ADB #ทันหุ้น – แม่ทัพหญิง ADB “ พรพิวรรณ นิรมลเฉิดฉาย” ชี้ทิศทางวัตถุดิบปรับลดหนุนมาร์จิ้นฟู เร่งเครื่องสยายปีกต่างแดน เจาะฐานแอฟริกาใต้ หลังดีมานด์พุ่งขึ้น ดันอัตรากำไรขั้นต้นสูง 20% แย้มแผนปรับกลยุทธ์ธุรกิจปั๊มยอด จับตางบประมาณรัฐครึ่งปีหลัง 2566 หนุนยอดคอมปาวน์ ยอดใช้สายไฟบูม

นางสาวพรพิวรรณ  นิรมลเฉิดฉาย  กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอ็พพลาย ดีบี จำกัด (มหาชน) หรือ ADB เปิดเผยว่า ทิศทางต้นทุนวัตถุดิบปรับตัวลดลง คาดจะส่งผลดีต่อต้นทุนผลิตครึ่งปีหลัง และคาดอัตรากำไร (มาร์จิ้น) จะชัดเจนมากกว่าครึ่งปีแรก ส่วนยอดขายอาจจะชะลอตัว เนื่องจากสินค้ากลุ่มพลาสติกคอมปาวด์ หรือ PVC ต้องรองบประมาณจากภาครัฐ โดยเฉพาะโครงการจากการไฟฟ้า ซึ่งต้องใช้คอมปาวด์สำหรับผลิตสายไฟฟ้า คาดครึ่งปีหลังอาจจะยังไม่เห็นงบการลงทุนจากรัฐบาล ดังนั้นโครงการต่างๆ อาจจะเลื่อนไปเป็นต้นปี 2567

** ลุยขายต่างแดน

ขณะเดียวกันบริษัทเร่งส่งออกกาว ยาแนวไปต่างประเทศมากขึ้น ตามความต้องการ (ดีมานด์) ใช้ผลิตภัณฑ์กาว ยาแนว โดยเลือกเจาะประเทศที่ไม่ได้รับกระทบจากยูเครน สำหรับตลาดที่มีผลิตภัณฑ์กาว และยาแนวมีความต้องการสูง โดยเฉพาะประเทศแอฟริกาใต้ ตะวันออกกลาง สำหรับอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) กลุ่มกาว ยาแนวอยู่ที่ 18-20%

อย่างไรก็ตามครึ่งปีหลัง 2566 บริษัทจะติดตามอัตราแลกเปลี่ยนอย่างใกล้ชิด เนื่องจากปัญหาค่าเงินอาจส่งผลกระทบต่อยอดการส่งออก แม้ปริมาณการขาย หรือวอลุ่มมีแนวโน้มเติบโตสูง แต่หากเทียบกับอัตราแลกเปลี่ยนในปัจจุบันอาจส่งผลให้ยอดขายโดดยรวมลดลง

ขณะที่ทิศทางภาพรวมผลประกอบการครึ่งปีหลัง 2566 น่าจะดีขึ้นหากเทียบกับครึ่งปีแรก อย่างไรก็ตามบริษัทอยู่ระหว่างพิจารณาปรับลดเป้ายอดขายลง เนื่องจากภาพรวมครึ่งปีแรก 2566 ยอดขายลดลง ทั้งนี้ปี 2565 บริษัทมียอดขายที่ 2.16 พันล้านบาท โดย 3 เดือนแรกปี 2566 บริษัทมียอดขายแล้ว 456.26 ล้านบาท

** เดินหน้าธุรกิจ

อนึ่ง บริษัทโอนย้ายกิจการธุรกิจผลิตภัณฑ์กาว ผลิตภัณฑ์ยาแนว และผลิตภัณฑ์ดีไอวาย ไปยังบริษัท เอดีบี ซีแลนท์ จํากัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยแห่งใหม่ และถือหุ้น 100% เพื่อแยกธุรกิจและการดำเนินงานออกอย่างชัดเจน สำหรับบริษัท เอดีบี ซีแลนท์ จํากัดมีแผนจะขยายการส่งออกไปต่างประเทศให้มากขึ้น

นางสาวพรพิวรรณ  กล่าวก่อนหน้านี้ว่า ส่วนธุรกิจ BIO ปัจจุบันอยู่ระหว่างทดสอบการใช้งาน หลังผลิตสินค้าแล้ว แต่บริษัทอยู่ระหว่างรอความชัดเจนจากกฎหมายภาครัฐ เกี่ยวกับการใช้สินค้าหรือผลิตภัณฑ์ BIO อย่างไรก็ตามยังคงเดินหน้าพัฒนาสินค้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับการใช้งานในอนาคต

โดยรวมธุรกิจเดิมจำหน่ายพลาสติกคอมปาวด์ ธุรกิจผลิตภัณฑ์กาว ผลิตภัณฑ์ยาแนว และธุรกิจ BIO จะยังทรงตัว พร้อมกันนี้บริษัทจะเดินหน้าขยายธุรกิจใหม่ และมองการลงทุนผ่านรูปแบบกิจการร่วมค้า (Joint Venture) และการเข้าถือหุ้นในบริษัทอื่น สำหรับธุรกิจใหม่มีความเป็นไปได้ที่จะลงทุนธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจเดิม หรือธุรกิจใหม่ที่ไม่ได้อยู่ในไลน์ใกล้เคียงกัน