ADB กำไรทุบสถิติรอบหลายปี ลุยธุรกิจไบโอปั๊มยอด2พันล.

มิติหุ้น-ADB หรือ บมจ. แอ็พพลาย ดีบี ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกคอมปาวด์ กาวสำหรับอุตสาหกรรม และผลิตภัณฑ์ยาแนว โดย นางสาวพรพิวรรณ นิรมลเฉิดฉาย กรรมการผู้จัดการ เปิดเผยภาพรวมธุรกิจปี 65 ตั้งเป้ารายได้รวม 2,000 ลบ. เติบโต YoY และกำไรสุทธิโตเพิ่มขึ้น หลังแจ้งกำไรงวดปี 64 สูงกว่าปี 63 และสูงสุดในรอบหลายปี

ปี 2563 และ 2564 บริษัทฯมีรายได้รวมจำนวน 1,380.42 ล้านบาท และ 1,700.05 ล้านบาทตามลำดับ และมีผลกำไรสุทธิสำหรับ ปี 2564 จำนวน 75.68 ล้านบาท จากเดิมกำไรสุทธิ 69.66  ล้านบาทในปีก่อนหน้า โดยสาเหตุที่บริษัทมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นหลักมาจากการเติบโตของกำไรของทุกกลุ่มธุรกิจของบริษัทฯโดยเฉพาะในกลุ่มเม็ดพลาสติกคอมปาวด์จากความต้องการสินค้าเพื่อนำไปผลิตสายไฟและสายเคเบิ้ลขนาดใหญ่ในกลุ่มงานด้านสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ของภาครัฐฯ ในขณะที่กลุ่มธุรกิจยาแนวและกาวขนาดเล็ก บริษัทฯได้รับกำไรขั้นต้นสูงขึ้นจากค่าเงินบาทที่ปรับอ่อนค่าลงโดยเฉลี่ยตลอดทั้งปี 2564 จึงส่งผลให้บริษัทฯมีกำไรขั้นต้นของสินค้าที่ส่งไปจำหน่ายยังต่างประเทศสูงขึ้น

บอร์ดไฟเขียว ปันผลเป็นเงินสด 0.05 บาท

บริษัทฯ มีนโยบายการจ่ายเงินปันผลจากงบการเงินให้แก่ผู้ถือหุ้นในแต่ละปีในอัตรา ไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้ โดยการพิจารณาความเหมาะสมทางการเงินและการลงทุน ในปี 2564 บริษัทฯ จะจ่ายเงินปันผลจากกำไรสะสม ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2564 ในอัตราหุ้นละ 0.05 บาท คิดเป็นจำนวนเงิน ไม่เกิน 36.29 ล้านบาท เงินปันผลทั้งหมดจะถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย ตามอัตราที่กฎหมายกำหนด

คาดกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล ในวันที่ 28 เมษายน 2565 และกำหนดจ่ายเงินปันผล ในวันที่ 17 พฤษภาคม 2565 การให้สิทธิดังกล่าวต้องรอการอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นอีกครั้ง

รุกสินค้าไบโอ-เปิดกว้างรับพันมิตร

โดยในปี 65 มีแผนรุกธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับไบโอพลาสติกและเม็ดพลาสติกเพื่อการแพทย์ที่มีมาร์จิ้นสูง ซึ่งปีที่ผ่านมายอดขายได้ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นมาก และบริษัทมีแผนจะขยายกำลังผลิตเพิ่มอีก 50% เพื่อรองรับ พร้อมกับเปิดกว้างเจรจาพันธมิตรทั้ง M&A หรือร่วมทุน เพื่อขยายฐานการตลาด

ชูกลยุทธ์เพิ่มยอดขาย-รักษามาร์จิ้น 

อย่างไรก็ดี ทั้ง 3 ธุรกิจหลัก ประกอบด้วย เม็ดพลาสติกคอมปาวด์เพื่อผลิตสายไฟ กาว และซีแลนท์ ยังเป็นตัวหลักในการสร้างยอดขายในปีนี้ ขณะเดียวกันจะมีการปรับกลยุทธ์เพิ่มยอดขาย และรักษาอัตรามาร์จิ้นไว้ เนื่องจากปีนี้มีความท้าทายเรื่องต้นทุนเม็ดพลาสติกที่ปรับตัวสูงขึ้นจาก 1-2% เพิ่มเป็น 10% และคงมาร์เก็ตแชร์ให้อยู่ลำดับต้นๆ ของตลาด