#ADB #ทันหุ้น – ADB ชี้ยอดขาย 2 เดือนทำนิวไฮ ขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบลดหนุนผลงานไตรมาส2 โดดเด่น เดินหน้าลุยขนสินค้าขายต่างแดน มองดีมานด์กาวล้น เร่งใส่เกียร์ปั๊มมาร์จิ้นเข้าพอร์ต ปักธงยอดปี 65 แตะ 2 พันล้านบาท พร้อมรักษามาร์เก็ตแชร์พีวีซีติด1 ใน 3
นางสาวพรพิวรรณ นิรมลเฉิดฉาย กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอ็พพลาย ดีบี จำกัด (มหาชน) หรือ ADB ผู้ประกอบธุรกิจเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกคอมปาวด์กาวสำหรับอุตสาหกรรม และผลิตภัณฑ์ยาแนว เปิดเผยว่าทิศทางยอดขาย 2 เดือนแรกปี 2565 อยู่ในระดับสูง และทำนิวไฮทั้งเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ แต่อาจจะไม่ส่งผลต่ออัตรากำไร (มาร์จิ้น) เพราะราคาต้นทุนวัตถุดิบปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่ในเดือนมีนาคม แนวโน้มราคาวัตถุดิบเริ่มอ่อนตัว คาดจะส่งผลดีต่อต้นทุนลดลงตั้งแต่ไตรมาส 2/2565 เป็นต้นไป
**ผลงานQ2เด่น
ดังนั้นโดยสรุปภาพรวมในไตรมาส 1/2565 ยอดขายอาจจะเติบโตเพิ่มขึ้น แต่มาร์จิ้นอาจจะไม่ดีมากเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อน และคาดแนวโน้มมาร์จิ้นจะกลับมาเติบโตเด่นชัดในไตรมาส 2/2565 นอกจากราคาต้นทุนที่ลดลงแล้ว บริษัทได้เจรจาปรับราคาขายให้กับลูกค้า ซึ่งน่าจะเริ่มเห็นชัดเจนตั้งแต่ไตรมาส 2/2565 เช่นเดียวกัน
“ราคาวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นอาจจะมีผลต่อการผลิตในส่วนของซิลิโคนยาแนวและ PVC แต่พอเข้าเดือนที่ 3 หรือเดือนมีนาคม ทิศทางราคาวัตถุดิบเริ่มลดลง ซึ่งน่าจะไปส่งผลให้ผลประกอบการ หรือมาร์จิ้นดีขึ้นในช่วง Q2 เป็นต้นไป ส่วนในเรื่องยอดขายเราไม่กังวลเลย เพราะยอดขาย 2 เดือนแรกทำได้ดี แต่ติดเรื่องต้นทุน ทำให้ผลประกอบการบรรทัดล่างไม่ได้โตสอดคล้องกับยอดขาย”นางสาวพรพิวรรณกล่าว
**ส่งออกกลุ่มกาวดี
ส่วนทิศทางการส่งออก ยังดำเนินการได้ปกติ บริษัทจะเน้นการส่งออกสินค้ากลุ่มกาว ซิลิโคนยาแนว(Silicone Sealant) เพราะบริษัทเห็นช่องทางการส่งออก และดีมานด์ในการใช้กาว ซิลิโคนยาแนวค่อนข้างสูง โดยเฉพาะประเทศแอฟริกาใต้ ตะวันออกกลาง สำหรับสัดส่วนการขายสินค้ากลุ่มดังกล่าวขายต่างประเทศ 50-60% และขายในประเทศ 40%
สำหรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจในครึ่งปีแรกปี 2565 บริษัทจะพยายามผลักดันมาร์จิ้น ให้เติบโตสูงกว่าช่วงที่ผ่านมา ประกอบกับบริษัทจะเพิ่มยอดขาย และรักษามาร์เก็ตแชร์ PVC Compound และ PVC สายไฟ ให้อยู่ลำดับ 1 ใน 3 ซึ่งบริษัทมีวอลุ่มยอดขายสินค้า PVC ไม่ได้เล็กและไม่ได้ใหญ่มากเมื่อเทียบกับคู่แข่งรายอื่น
**เพิ่มไลน์รับผลิต
ด้านการเติบโต จะยังมาจากสินค้ากลุ่ม PVC Compound ที่ยังเป็นพระเอก หรือมียอดขายสูงสุดของบริษัท อีกทั้งMedical Grade PVC Compound หรือกลุ่มเครื่องมือทางการแพทย์ คาดจะมีแนวโน้มการเติบโตต่อเนื่องจากปี 2564 ทำให้บริษัทวางแผนจะเพิ่มไลน์ผลิตสินค้าอีก 2 ไลน์ เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต สำหรับงบลงทุนจะอยู่ที่ 5-10 ล้านบาทต่อเครื่อง และจะทำให้กำลังผลิตเพิ่มขึ้นอีก 50% ของยอดขายสินค้ากลุ่ม Medical Grade PVC Compound
โดยสินค้ากลุ่มนี้จะทำให้บริษัทมีมาร์จิ้นสูง และน่าจะทดแทนกับมาร์จิ้นกลุ่ม PVC Compound ที่มีแนวโน้มลดลง หลังราคาวัตถุดิบปรับตัวสูงขึ้น